- ผู้ขายออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉลี่ยนำ AI มาใช้เพียง 37% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจทั้งหมด
- ประเทศไทยมีการใช้ AI ในธุรกิจสูงเป็นอันดับสามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีอัตราการใช้งานอยู่ที่ 39% ของผู้ขายออนไลน์ทั้งหมด ในขณะที่ประเทศที่มีการนำ AI มาใช้ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซสูงสุดโดยเฉลี่ย ได้แก่ อินโดนีเซีย และเวียดนาม
- ลาซาด้า เปิดตัวคู่มือฉบับใหม่สำหรับผู้ขาย รวบรวมแนวทางปฏิบัติ ข้อมูลเชิงลึก และองค์ความรู้เกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
กรุงเทพฯ, 9 เมษายน 2568 – ลาซาด้า ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับผู้ขายออนไลน์ในหัวข้อ “โอกาสจาก AI: เปิดมุมมองและเทรนด์การใช้งาน AI ของผู้ขายออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Bridging the AI Gap: Online Seller Perceptions and Adoption Trends in SEA)” ซึ่งจัดทำร่วมกับกันตาร์ (Kantar) เพื่อสำรวจความคิดเห็นของผู้ขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจำนวน 1,214 ราย ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม เพื่อศึกษาแนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยี AI รวมถึงความท้าทายและโอกาสต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นความพร้อมของผู้ขายในการนำ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยรายงานเผยว่า 1 ใน 4 ของผู้ขายทั่วภูมิภาคมีความเชี่ยวชาญในการใช้งาน AI ในธุรกิจ ในขณะที่ 3 ใน 4 ของผู้ขายยังต้องการการสนับสนุนในการใช้ AI ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ช่องว่างระหว่างความรู้ การรับรู้ และการใช้งานเทคโนโลยี AI ของผู้ขายออนไลน์
รายงานพบว่า ผู้ขายออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี AI เป็นอย่างมาก โดยในประเทศไทย ผู้ขาย 46% ระบุว่ารู้จักเทคโนโลยี AI และเชื่อว่าได้นำ AI มาใช้ใน 54% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจ แม้จะมีการใช้งานจริงเพียง 39% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงช่องว่างที่ชัดเจนระหว่างการรับรู้และการนำ AI ไปใช้จริง โดยประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีช่องว่างระหว่างการรับรู้และการนำ AI ไปใช้จริงสูงที่สุดในภูมิภาค อยู่ที่ราว 15% ชี้ให้เห็นโอกาสในการนำ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ขายที่ยังมีอีกมาก
การประเมินความคุ้มค่าระหว่างประสิทธิภาพของ AI และต้นทุน ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ขายไทย แม้ว่า 99% จะตระหนักถึงศักยภาพของ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ แต่กว่า 80% ยังคงไม่มั่นใจในประโยชน์ของ AI นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ขายในไทยเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญเรื่องค่าใช้จ่ายมากที่สุดในภูมิภาค โดย 84% กังวลกับค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทักษะของทีมงาน แม้ผู้ขายทุกรายจะเห็นว่าการใช้ AI ช่วยประหยัดต้นทุนของธุรกิจได้ในระยะยาว
ผลการศึกษายังเผยให้เห็นถึงช่องว่างของการนำ AI มาประยุกต์ใช้จริง โดยชี้ให้เห็นว่าแม้ผู้ขายจะตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยี AI แต่กลับประสบปัญหาในการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ขายไทย 100% เล็งเห็นศักยภาพของ AI ในการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน อย่างไรก็ตาม ผู้ขายกว่า 88% ยอมรับว่าพนักงานยังคงเลือกใช้เครื่องมือที่คุ้นเคยมากกว่าการเปลี่ยนไปใช้โซลูชัน AI ใหม่ ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านจากระบบการทำงานแบบที่คุ้นเคย สู่การปรับมาใช้โซลูชัน AI ในการดำเนินธุรกิจ

ระดับความพร้อมในการใช้ AI ที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
ในระดับภูมิภาค อินโดนีเซีย และเวียดนาม เป็นผู้นำในการประยุกต์ใช้ AI ในธุรกิจ ด้วยอัตราการใช้งาน 42% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจทั้งหมด ตามด้วยสิงคโปร์และไทยที่มีอัตราการใช้งานอยู่ที่ 39% รายงานยังได้วิเคราะห์การนำ AI มาใช้ใน 5 ส่วนหลักในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ การจัดการการดำเนินงานและโลจิสติกส์ การบริหารจัดการสินค้า การตลาดและการโฆษณา การบริการลูกค้า และการบริหารจัดการบุคลากร โดยได้แบ่งผู้ขายออกเป็น 3 ประเภท คือ มือโปรด้าน AI (AI Adepts) มือใหม่ด้าน AI (AI Aspirants) และมือดั้งเดิม ไม่แตะ AI (AI Agnostics)[1] โดยพิจารณาจากคะแนนเฉลี่ยในแต่ละด้านของการดำเนินธุรกิจที่สะท้อนถึงระดับความพร้อมในการใช้งาน AI
- มือโปรด้าน AI (AI Adepts): ผู้ขายที่ประยุกต์ใช้ AI ในอย่างน้อย 80% ของกระบวนการดำเนินธุรกิจ และถือเป็นกลุ่มผู้นำของการใช้งาน AI โดยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ขายเพียง 1 ใน 4 (24%) ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้
- มือใหม่ด้าน AI (AI Aspirants): ผู้ขายที่นำ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจบางส่วน แต่ยังคงพบกับความท้าทายในการใช้งานในส่วนที่สำคัญ โดย 50% ของผู้ขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จัดอยู่ในกลุ่มนี้
- มือดั้งเดิม ไม่แตะ AI (AI Agnostics): ผู้ขายที่ยังไม่มีการนำ AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดย 26% ของผู้ขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้
เมื่อพิจารณาภาพรวมของภูมิภาค ผู้ขายส่วนใหญ่ (76%) จัดอยู่ในกลุ่มมือใหม่ด้าน AI (AI Aspirants) และมือดั้งเดิม ไม่แตะ (AI Agnostics) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความต้องการโซลูชันด้าน AI ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI (42%) และการสนับสนุนผู้ขายอย่างครบวงจรยิ่งขึ้น (41%)
ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยมีผู้ขายที่อยู่ในสัดส่วนของกลุ่มมือโปรด้าน AI (AI Adepts) มากที่สุดในภูมิภาค โดยมีผู้ขาย 30% ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ เป็นผลจากความเชื่อมั่นและการยอมรับในเทคโนโลยีของผู้ประกอบการ และโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนการใช้งาน AI ซึ่งช่วยให้กระตุ้นการใช้ AI อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการนำ AI มาใช้สูงสุดในการจัดการดำเนินธุรกิจและงานด้านโลจิสติกส์ ด้วยอัตราการใช้งานสูงถึง 42% โดยเฉพาะในกระบวนการที่ซับซ้อน เช่น การคืนสินค้าและการคืนเงิน รวมถึงการติดตามสินค้า ซึ่งได้มีการนำระบบอัตโนมัติมาใช้แล้ว ในขณะที่การนำ AI มาใช้ในด้านการตลาดและการบริหารจัดการด้านสินค้ายังคงมีอัตราการใช้งานที่ต่ำกว่า (38%) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ฟังก์ชันที่ช่วยวิเคราะห์การรีวิวจากลูกค้า และการใช้ AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์งานโฆษณา ถือเป็นด้านที่ผู้ขายต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติม
เจมส์ ตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า กรุ๊ป กล่าวว่า “รายงานของเราเผยให้เห็นถึงช่องว่างที่น่าสนใจในอีโคซิสเต็มของอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่าผู้ขายส่วนใหญ่จะเข้าใจถึงศักยภาพของ AI ในการพลิกโฉมธุรกิจ แต่หลายคนก็ยังเพิ่งเริ่มต้นทำความเข้าใจเทคโนโลยีนี้ ก่อนที่จะเริ่มใช้งานจริง ในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลาซาด้า มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ผู้ขายสามารถต่อยอดความรู้ด้าน AI ไปสู่การใช้งานจริง ผ่านการพัฒนาโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์ความท้าทายของผู้ขายในแต่ละตลาดที่กำลังเผชิญอยู่ เพื่อทำให้เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยไม่จำกัดอยู่เพียงผู้ขายรายใหญ่หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเท่านั้น ด้วยเป้าหมายในการขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน”

การใช้ประโยชน์จากโซลูชัน AI ของลาซาด้า เพื่อพลิกโฉมการดำเนินธุรกิจ
เพื่อส่งเสริมให้ผู้ขายสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ ลาซาด้า ยังได้เปิดตัว “คู่มือการเตรียมพร้อมด้าน AI สำหรับผู้ขายออนไลน์ (Online Sellers Artificial Intelligence Readiness Playbook)” ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อแนะแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับระดับความพร้อมด้าน AI ของผู้ขายแต่ละราย โดยการศึกษาได้เผยให้เห็นว่า ผู้ขายได้เริ่มนำโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI บนแพลตฟอร์มของลาซาด้ามาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของลาซาด้าในการลงทุนในนวัตกรรม AI ที่ทันสมัยและพัฒนาเครื่องมือขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการดำเนินงานของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ขาย
ที่ผ่านมา ผู้ขายกว่า 67% แสดงความพึงพอใจเป็นอย่างมากกับฟีเจอร์ AI บนแพลตฟอร์มลาซาด้า[2] ล่าสุด ลาซาด้า จึงได้เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ Generative AI (GenAI) ใหม่ที่ออกแบบมา เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ขายและพัฒนารายการสินค้า ซึ่งจะช่วยลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการเพิ่มยอดขาย เช่น
- ฟีเจอร์การสร้างรายการสินค้าด้วย AI (AI Smart Product Optimisation): เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี GenAI นี้จะช่วยแนะนำผู้ขายในการปรับปรุงรายการสินค้าให้น่าดึงดูดยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อผลิตภัณฑ์ คำอธิบาย ตลอดจนรูปภาพ โดยผู้ขายสามารถสร้างสรรค์ภาพของผลิตภัณฑ์ระดับมืออาชีพได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งประกอบด้วย ฟีเจอร์การลองสินค้าเสมือนจริง (Virtual Try-Ons) การปรับแต่งพื้นหลัง (Background Modifications) และการปรับเปลี่ยนโมเดลอัตโนมัติ (Model Adjustments)
- ฟีเจอร์แปลภาษา (AI-Powered Translations): ฟีเจอร์แปลภาษาจะช่วยแปลเนื้อหาผลิตภัณฑ์เป็นภาษาต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ขายสามารถขยายการเข้าถึงไปยังตลาดที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ
- ผู้ช่วยการขาย Lazzie Seller: ผู้ช่วยแชทบอท AI จาก Alibaba Seller Centre (ASC) จะช่วยตอบคำถามที่พบบ่อยได้ในทันที พร้อมแนะนำฟีเจอร์หลักที่เหมาะสม การประเมินความเสี่ยงของร้านค้า และให้คำแนะนำทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการเติบโตของผู้ขาย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดาวน์โหลด “คู่มือการเตรียมพร้อมด้าน AI สำหรับผู้ขายออนไลน์ (Online Sellers Artificial Intelligence Readiness Playbook)” เพื่อศึกษาแนวทางและคำแนะนำในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อผลักดันการเติบโต เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์นวัตกรรมในโลกอีคอมเมิร์ซที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
[1] กลุ่มมือโปรด้าน AI (AI Adepts) คือกลุ่มผู้ขายที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ AI สูงสุด โดยมีคะแนนอยู่ในระดับเปอร์เซ็นไทล์ที่ 25 นับจากคะแนนสูงสุด กลุ่มมือใหม่ด้าน AI (AI Aspirants) เป็นกลุ่มที่มีคะแนนอยู่ระหว่างเปอร์เซ็นไทล์ที่ 25 ถัดมา และเปอร์เซ็นไทล์ที่ 75 และมือดั้งเดิม ไม่แตะ (AI Agnostics) จัดอยู่ในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 25 จากล่างสุด
[2] อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ AI ของลาซาด้าตามด้านล่าง